เมนู

อรรถกถากุฬเถรคาถา


คาถาของท่านพระกุฬเถระ เริ่มต้นว่า อุทกํ หิ นยนฺติ. เรื่องราว
ของท่านเป็นอย่างไร ?
ได้ยินว่า พระเถระนี้แม้ในกาลก่อน ก็สั่งสมกุศลอันเป็นอุปนิสัยแห่ง
พระนิพพานไว้เป็นอันมาก ถึงพร้อมด้วยอธิการ เห็นพระผู้มีพระภาคเจ้าทรง
พระนามว่า วิปัสสี เสด็จไปในอากาศ มีใจเลื่อมใสแล้ว ใคร่จะถวายผลขนุน
สำมะลอ แล้วจัดถวาย.
พระบรมศาสดาทรงทราบวารจิตของเขาแล้ว เสด็จลงทรงรับแล้ว.
เขาเป็นผู้มีจิตเลื่อมใสเหลือเกิน เข้าไปเฝ้าพระศาสดา ทูลขอบรรพชาแล้ว
โดยการได้เฉพาะซึ่งศรัทธานั่นเอง. พระศาสดาตรัสสั่งกะภิกษุรูปใดรูปหนึ่ง
ให้บวชเขา โดยพระพุทธดำรัสว่า เธอจงยังบุรุษนี้ให้บวช ดังนี้.
เขาบรรพชาแล้วได้อุปสมบท บำเพ็ญสมณธรรม จุติจากภพนั้นแล้ว
ท่องเที่ยวไปในเทวดาและมนุษย์ทั้งหลาย ตลอด 6 พุทธันดร เกิดในตระกูล
พราหมณ์ ในพระนครสาวัตถี ในพุทธุปบาทกาลนี้ เขาได้มีนามว่า กุละ.*
เขาเจริญวัยแล้ว มีความเลื่อมใสในพระศาสนา บวชในสำนักของพระผู้มี
พระภาคเจ้า ไม่สามารถจะยังคุณวิเศษให้เกิดขึ้นได้ เพราะเป็นผู้มากไปด้วย
ความฟุ้งซ่าน. ครั้นวันหนึ่ง ท่านเข้าไปสู่บ้านเพื่อบิณฑบาต เห็นคนทั้งหลาย
กำลังขุดดิน ทำให้เป็นแอ่งน้ำ ชักน้ำให้ไหลไปในที่ ๆ ตนปรารถนาแล้ว ๆ
ในระหว่างทาง กำหนดแม้เหตุนั้นไว้ เข้าไปสู่บ้านเห็นช่างศรคนใดคนหนึ่ง
ใส่ลูกศรเข้าไปแล่งศร เล็งด้วยหางตา แล้วกระทำให้ตรง จึงกำหนดเหตุนั้น
ไว้ เดินต่อไป เห็นช่างถากกำลังถากชิ้นส่วนของล้อรถ มีกำ กง และดุม
* พระสูตร เป็น กุฬะ

เป็นต้น ก็กำหนดเหตุแม้นั้นไว้ เข้าไปสู่วิหารกระทำภัตกิจแล้ว เก็บบาตร
และจีวร นั่งในที่สำหรับพักกลางวัน ถือเอานิมิตที่ตนเห็นแล้ว โดยเป็นอุปมา
น้อมเข้าไปในการฝึกจิตของตน แล้วคิดว่า มนุษย์นำเอาน้ำที่ไม่มีจิตใจ ไปสู่
ที่ตนปรารถนาแล้ว ๆ ถึงช่างศรก็เหมือนกัน ดัดลูกศรที่ปราศจากจิตใจ แม้คด
ให้ตรงได้ด้วยอุบาย ช่างถากก็เหมือนกัน ย่อมกระทำไม้ที่คด มีท่อนไม้เป็นต้น
ที่หาเจตนามิได้ ให้ตรง โดยทำเป็นกงเป็นต้น เมื่อเป็นเช่นนั้น เหตุไร เรา
จึงไม่ทำจิตของเราให้ตรงเล่า ดังนี้แล้ว เริ่มตั้งวิปัสสนา เพียรพยายามอยู่
บรรลุพระอรหัตต่อกาลไม่นานนัก. สมดังคาถาประพันธ์ ที่ท่านกล่าวไว้ใน
อปทานว่า
ครั้งนั้น เราเป็นคนเฝ้าสวนอยู่ ในพระนคร
พันธุมดี ได้เห็นพระพุทธเจ้าผู้ปราศจากกิเลสธุลี
เสด็จเหาะไปในอากาศ เราได้หยิบเอาขนุนสำมะลอ
ถวายแด่พระพุทธเจ้าผู้ประเสริฐสุด พระพุทธเจ้าผู้มี
พระยศยิ่งใหญ่ ทำให้เราเกิดความปลาบปลื้มใจ นำ
ความสุขมาให้ในปัจจุบัน ประทับอยู่ในอากาศนั่นเอง
ได้ทรงรับประเคน เราถวายผลไม้แด่พระพุทธเจ้า
ด้วยใจอันเลื่อมใสแล้ว ได้ประสบปีติอันไพบูลย์ เป็น
สุขยอดเยี่ยมในครั้งนั้น รัตนะเกิดขึ้นแก่เราผู้เกิดในที่
นั้น ๆ ในกัปที่ 91 แต่ภัทรกัปนี้ เราได้ถวายผลไม้ใด
ในกาลนั้น ด้วยทานนั้น เราไม่รู้จักทุคติเลย นี้เป็น
ผลแห่งการถวายผลไม้ เราเผากิเลสทั้งหลายแล้ว ฯลฯ
คำสอนของพระพุทธเจ้า เรากระทำสำเร็จแล้ว ดังนี้.

ท่านทำนิมิตเหล่าใดให้เป็นดังขอสับ เจริญวิปัสสนา บรรลุพระอรหัต
แล้วอย่างนี้ ท่านเทียบเคียงการฝึกจิตของตนกับนิมิตเหล่านั้นแล้ว เมื่อจะ
พยากรณ์พระอรหัตผล ได้ภาษิตคาถาว่า
พวกคนไขน้ำก็ไขน้ำไป ช่างศรก็ดัดลูกศร พวก
ช่างถากก็ถากไม้ พวกบัณฑิตผู้มีวัตรอันงาม ก็ฝึกตน
ดังนี้.

บรรดาบทเหล่านั้น หิ ศัพท์ในบทว่า อุทกํ หิ เป็นเพียงนิบาต.
บทว่า นยนฺติ ความว่า พวกคนไขน้ำ ขุดที่ ๆ ดอนนั้น ๆ แล้วถมที่ลุ่ม
ทำเหมือง หรือวางรางไม้ ย่อมชักน้ำไปสู่ที่ ๆ ตนปรารถนาแล้ว ๆ. ชื่อว่า
คนไขน้ำ เพราะนำน้ำไปด้วยอาการอย่างนั้น.
บทว่า เตชนํ แปลว่า ลูกศร. ท่านกล่าวอธิบายไว้ดังนี้ พวกคน
ไขน้ำ ก็ไขน้ำไปสู่ที่ที่ตนปรารถนาแล้ว ๆ ตามชอบใจของตน แม้พวกช่าง
ศรก็ลนไม้ดัดลูกศร คือทำให้ตรง ช่างถากเมื่อถากไม้เพื่อประโยชน์แก่ดุม
เป็นต้น โดยให้โน้มไป ชื่อว่าย่อมถากไม้ คือทำให้ตรงหรือคดตามชอบใจ
ของตน บัณฑิตทั้งหลายผู้มีพรตดี คือมีวัตรอันงาม ด้วยศีลเป็นต้น ตามที่
สมาทานแล้ว การทำเหตุมีประมาณเท่านี้ให้เป็นอารมณ์อย่างนี้ เมื่อยังโสดา
ปัตติมรรคเป็นต้น ให้บังเกิดขึ้น ชื่อว่า ย่อมฝึกตน และเมื่อได้บรรลุพระ
อรหัตแล้ว ย่อมชื่อว่าเป็นผู้ฝึกตนได้เป็นเอก ดังนี้.
จบอรรถกถากุฬเถรคาถา

10. อชิตเถรคาถา
ว่าด้วยคาถาของพระอชิตเถระ


[157] ได้ยินว่า พระอชิตเถระได้ภาษิตคาถานี้ไว้ อย่างนี้ว่า
เราไม่มีความกลัวตาย ไม่มีความอาลัยในชีวิต
จักเป็นผู้มีสติสัมปชัญญะ ละทิ้งกายนี้ไป.

จบวรรคที่ 2

อรรถกถาอชิตเถรคาถา


คาถาของท่านพระอชิตเถระ เริ่มต้นว่า มรเณ เม ภยํ นตฺถิ.
เรื่องราวของท่านเป็นอย่างไร ?
ได้ยินว่า ในกัปที่ 91 ท่านเห็นพระผู้มีพระภาคเจ้า ทรงพระนามว่า
วิปัสสี มีจิตเลื่อมใสแล้ว ได้ถวายผลมะขวิด. แม้เบื้องหน้าแต่นั้น ก็ได้
กระทำบุญ นั้น ๆ ท่องเที่ยวไปในเทวดาและมนุษย์ทั้งหลาย เมื่อพระผู้มี
พระภาคเจ้าของเราทั้งหลาย ยังไม่เสด็จอุบัติในกัปนี้ ได้เกิดเป็นบุตรของ
อัคคาสนียพราหมณ์ ของพระเจ้ามหาโกศล ในพระนครสาวัตถี. เขาได้มีนาม
ว่า อชิตะ.
ก็แลในสมัยนั้น พาวรีพราหมณ์ผู้มีปกติอยู่ในพระนครสาวัตถี เป็นผู้
ประกอบไป ด้วยมหาปุริสลักขณะ 3 ประการ เรียนจบไตรเพท ออก
จากเมืองสาวัตถี แล้วบวชเป็นดาบส อาศัยอยู่ในกปิตถาราม ริมฝั่งน้ำโคธาวรี.